วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559

ถ้าเราตั้งใจทำงานในอาชีพเราอย่างซื่อตรงถือเป็นการสร้างบุญไปด้วยใช่หรือไม่?

คำถาม: หลวง พ่อคะ ลูกอยากให้การทำงานที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เป็นทั้งการประกอบอาชีพด้วย และเป็นการสร้างบุญไปด้วยเข้าใจว่าถ้าเราตั้งใจทำงานอย่างซื่อตรงต่ออาชีพ ของเราแล้ว ก็เท่ากับเป็นการสร้างบุญไปด้วยใช่ไหมคะ?

คำตอบ: ไม่แน่ มันอยู่ที่งาน แล้วก็อยู่ที่ใจประกอบกัน มีงานอาชีพ ที่ไม่ชอบธรรม ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นการค้าขายที่ผิดศีลธรรม ไม่ควรทำมีอยู่ 5 อย่าง ซึ่งทำแล้วเป็นการก่อเวร ไม่มีทางเป็นบุญได้ คือ
        1. ค้าอาวุธ
        2. ค้ามนุษย์
        3. ค้าสัตว์สำหรับฆ่าเป็นอาหาร
        4. ค้าของเมาสิ่งเสพติด
        5. ค้ายาพิษ
        ส่วนงานอาชีพต่างๆ ที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ บางงานก็เป็นบุญ บางงานก็ไม่เป็น ไปเทียบดูเอานะ จะยกตัวอย่างให้ดูเกี่ยวกับงานของคนรับจ้างทำงานในวัด เช่น งานปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นงานกลางๆ  ไม่บุญไม่บาป แต่เนื่องจากคนปลูกมีระดับจิตใจต่างกัน ทำให้ได้ผลต่างกันเป็นระดับๆ ไป
ตั้งใจทำงานอย่างซื่อตรงต่ออาชีพของเราเอง
        เรื่องนี้คุณยายอาจารย์ของ หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งคุณยายเดินตรวจบริเวณวัด เห็นคนงานกำลังปลูกต้นไม้กันอยู่ ก็แวะเข้าไปดูแล้วได้ถามคนงานในกลุ่มนั้นว่า
        “เวลาปลูกต้นไม้คิดอย่างไร” คนหนึ่งวัยรุ่นหน่อย ก็ตอบว่า “คิดว่าอย่าตายนะเดี๋ยวต้องปลูกใหม่ หลวงพ่อจะเอ็ดเอา”
        อีกคนหนึ่งตอบว่า “ขอให้โตเร็วๆ จะได้ชื่นใจ” อ้าว..แล้ว ไม่กลัวมันตายเรอะ “ไม่กลัวครับเพราะผมปลูกมาเยอะแล้ว” อีกคนอายุมากหน่อยตอบว่า “ขอให้โตเร็วๆ ใครมาวัดมานั่งโคนต้นไม้ ให้เขานั่งให้สบาย ฟังเทศน์ของหลวงพ่อแล้ว ให้เข้าใจแจ่มแจ้ง ถ้าเป็นอย่างนี้จะดีใจมากๆ เลย
        คุณยายบอกว่า ปลูกต้นไม้แต่ละต้นเสียเวลาเท่าๆ กัน คนฉลาดเหนื่อยเท่ากับคนอื่น แต่ได้บุญด้วย อย่างเช่นคนงาน 3 คนนี้
        คนที่ 1 เหนื่อยแล้วยังกังวล ชีวิตนี้ไม่เป็นสุข
        คนที่ 2 เหนื่อยแล้วไม่กังวล เพราะฝีมือดี ทำตามหน้าที่เป็นกลางๆ ไม่เป็นบุญไม่เป็นบาป
        คนที่ 3 เหนื่อยแล้วได้บุญเนื่องจากตั้งใจไว้ดี หน้าตาผ่องใส
        เพราะฉะนั้น เวลาจะทำงานอะไร ไหนๆ ก็เหนื่อยแล้ว ตั้งใจให้ได้บุญด้วยจะดีกว่า พอจะชักนำใครให้ทำดีได้ ก็ทำไปตามขอบเขตหน้าที่ซึ่งจะทำได้ แล้วเขาเหล่านั้นจะกลายเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีของเราด้วย

คำถาม: สิ่งปลูกสร้างหลังแรกของวัดพระธรรมกายได้แก่อะไร? (พระเรียนถามมา)

คำตอบ: สิ่งแรกที่จำเป็นต้องใช้ ต้องก่อสร้างก่อน คือ สำนักงาน เมื่อแรกเริ่มที่มีเพียงที่ดินโล่งๆ เราก็ทำเป็นกระต๊อบให้พออยู่อาศัยกันไปเพิ่งมาเป็นเป็นรูปเป็นร่างอย่างขณะ นี้ในระยะหลัง ระยะแรกเป็นกระต๊อบออฟฟิศ พอผุๆ พังๆ แล้วก็รื้อไป พวกเราที่มาภายหลังเลยไม่ได้เห็นกันนะ
        ตอบเรื่องนี้แล้ว ก็มีข้อแนะนำอีกเรื่องหนึ่ง เผื่อจะเป็นประโยชน์ คือตามวัดต่างๆ มีสิ่งที่ฆ่าตัวเองอยู่ลักษณะหนึ่ง คือเวลาก่อสร้างมักจะก่อสร้างบริเวณข้างหน้าที่ติดถนน ติดคลองก่อน สมมติสร้างศาลาไว้หลังหนึ่ง พอต่อมามีความจำเป็นจะต้องสร้างสิ่งก่อสร้างหลังที่ 2 จะเป็นโบสถ์หรือเป็นอะไรก็ตาม ท่านคิดว่าโยมที่เป็นเจ้าภาพเขาอยากจะให้สร้างข้างหน้า หรือข้างหลังของเดิม
สิ่งปลูกสร้างของวัดพระธรรมกาย
สิ่งปลูกสร้างของวัดพระธรรมกาย
        ตอบว่าข้างหน้า เมื่อสร้างข้างหน้า จะสร้างตรงไหนก็ตาม อย่างมากก็ 2-3 หลังเท่านั้นก็เต็มหมด ข้างหลังที่ว่างอีกมาก ก็ใช้ไม่ได้ เริ่มต้นสร้างอย่างนี้เรียกว่าฆ่าตัวตาย ไม่ควรทำ วัดพระธรรมกายของเราเมื่อเริ่มสร้าง เราสร้างสำนักงานเข้ามาในช่วงกลางของที่ดินทั้งผืน จากนั้นที่ข้างหน้าก็สร้างศาลาสำหรับฟังธรรม และใช้เป็นที่สร้างโบสถ์ สร้างเสร็จแล้วเรายังมีที่ในบริเวณข้างหน้าเหลืออีกมากมายเลย จนกระทั่งมาทำลานจอดรถ มาทำสระน้ำ มาทำอะไรอีกตั้งหลายอย่าง
        เพราะฉะนั้นอย่าสร้างอะไรเป็นกระจุกอยู่ข้างหน้า ควรจะเริ่มบริเวณกลางๆ พื้นที่ก่อน ยอมเดินไกลสักหน่อย จากนั้นก็แบ่งส่วนที่เป็นกุฏิก็ให้ไปอยู่ข้างหลัง ส่วนที่เป็นอาคารธรรมาวาส พุทธาวาสก็ขึ้นไปข้างหน้า วางผังอย่างนี้แล้วจะสะดวกหลายอย่าง
        สรุปที่ถามว่าสร้างอะไรก่อน-หลัง ตอบว่าอาคารหลังแรกที่สร้างขึ้นมา คือกระต๊อบที่ทำงาน หลังที่ 2 คือครัว ก็กองทัพเดินด้วยท้องนี่นะ มีที่ทำงาน มีโรงครัว จากนั้นค่อยๆ สร้างสิ่งที่จำเป็นอื่นๆ ไปตามลำดับ

โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น