วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559

"หนึ่งเดือน(ในวัดพระธรรมกาย)ได้เรียนรู้อะไรบ้าง" จากน้องนักศึกษาชาวจีน

หนึ่งเดือนได้เรียนรู้อะไรบ้าง
จากน้องนักศึกษาชาวจีน

一個月可以學到什麼?
“ ๑ เดือน” ได้เรียนรู้อะไร?


​對於漫長的人生來說,一個月的時間可能並不算太長,但是作為只有短短十個月留學時間的我來說,在泰國的每一分每一秒都顯得彌足珍貴,因為每一秒都可以感受到不同的東西,尤其是在法身寺實習的那短暫而又寶貴的這一個月。
ช่วงเวลาที่ยาวไกลของชีวิต เวลา ๑ เดือนนั้นไม่นับว่ายาวนาน แต่สำหรับฉันแล้ว ช่วงเวลาสั้นๆ เพียง ๑๐ เดือนที่ได้มาศึกษาเรียนรู้ที่เมืองไทย นับว่าทุกนาทีและ ๑ วินาทีคุ้มค่าเต็มเปี่ยม เพราะว่าทุกวินาทีสัมผัสได้ถึงสิ่งต่างๆมากมาย โดยเฉพาะเวลา ๑ เดือนสั้นๆ แต่ก็มากด้วยคุณค่าที่ได้มาศึกษา ณ วัดพระธรรมกาย


​在這一個月我究竟學到了什麼呢?首先就是糾正了自己對ใจเย็นๆ 的理解。我因為偶然參加了“世界和平道德會考”與寺廟結緣,而得以來近距離的感受泰國的寺廟生活。剛開始來到寺廟就覺得這裡的人都很忙綠,也非常講究效率,一點都不像之前瞭解到的對泰國人的介紹——ใจเย็นๆ 。後面瞭解到法身寺一直在推崇“世界和平”並為此正在努力著,看到寺廟的每一個人每一天都靜坐,讓內心平靜下來,才真正體會到“世界和平”的真實含義是內心的和平,而ใจเย็นๆ的含義其實是內心的ใจเย็นๆ,而不是性格的ใจเย็นๆ。
ใน ๑ เดือนนี้ ฉันได้เรียนรู้อะไรบ้าง? เริ่มแรก ความเข้าใจคำว่า “ใจเย็นๆ” ของฉันได้เปลี่ยนแปลงไป เพราะว่าฉันได้เข้าร่วมสอบ “การสอบปัญหาธรรมะเพื่อสันติภาพโลก” กับไปวัดทำบุญ ความรู้สึกสัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตที่ใกล้ชิดกับวัดอย่างดี หลังจากนั้นเป็นต้นมา  ตอนมาถึงวัดใหม่ๆ รู้สึกได้ว่า คนที่วัดนี่ภารกิจเยอะมาก และพิถีพิถันเน้นประสิทธิภาพ ต่างกับความเข้าใจแต่เดิมที่มีคนไทยแนะนำว่า “ใจเย็นๆ” ต่อมาจึงได้เข้าใจว่า วัดพระธรรมกายส่งเสริมเรื่อง “สันติภาพโลก” มาโดยตลอด และมุ่งมั่นพยายามทำเพื่อไปสู่เป้าหมายนั้น ได้เห็นทุกคนในวัดนั่งสมาธิกันทุกวัน ทำให้ใจสงบนิ่งลง จึงได้เข้าใจจริงๆว่า “สันติภาพโลก” โดยความหมายที่แท้จริงคือ สันติภาพที่เกิดขึ้นภายในใจ และความหมายของ “ใจเย็นๆ” ก็คือ ความเย็นใจที่เกิดขึ้นจากภายใน แต่ไม่ใช่การแสดงออกทางบุคลิกภายนอกที่ “ใจเย็นๆ”

​其次是感受到了博大精深的中國文化和繁榮興盛的泰國文化的很大不同。且不說首先在寺廟建築方面就有很大的差異:中國漢傳佛教的寺廟有明顯的中國傳統建築的特點,建築佈局是一個可以對稱的平面四邊形,沿著對稱軸前後的建築承啟轉合互相呼應,大多是園林式建築格局;而泰國寺廟不斷吸收外來文化與本民族的文化相互融合,寺廟的建築看起來都相對獨立,有恢弘的尖頂佛塔,運用富有不同意義的色彩來裝飾寺廟,使寺廟看起來光彩奪目,高貴華麗,格外的大氣與神秘。進到中國的寺廟,撲面而來的就是寺裡香火的味道,而泰國的佛祖卻是用鮮花來供奉。
ตามมาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันมากระหว่างวัฒนธรรมไทยที่เจริญรุ่งเรืองกับวัฒนธรรมจีนที่ลึกซึ้งและแผ่กว้างไพศาล ก่อนอื่นจะกล่าวถึงสถาปัตยกรรมอาคารของวัดซึ่งแตกต่างกันอย่างมาก คือ วัดพุทธจีนมีลักษณะสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่โดดเด่น ออกแบบก่อสร้างเป็นแนวระนาบสี่เหลี่ยมสมมาตรที่สมดุล มีแนวมุมอาคารสอดรับตรงกันเป็นเชิงชั้นลดหลั่น และส่วนใหญ่เป็นสถาปัตย์ที่มีเอกลักษณ์แบบสวนป่า  แต่วัดไทยนั้นได้ดูดซับวัฒนธรรมต่างถิ่นเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และหลอมรวมเข้ากับวัฒนธรรมชนชาติในท้องถิ่น วิหารอาคารต่างๆของวัดมีลักษณะอิสระโดดเดี่ยว มีพระเจดีย์ทรงสูงที่มีปลายยอดแหลมงามสง่า และใช้สีสรรที่หลากหลายแทนความหมายต่างๆกันในการตกแต่ง ทำให้วัดดูงดงามพราวตา วิจิตรเลอค่า ให้บรรยากาศที่ดูสูงส่งและลึกลับ เพื่อเข้าไปในวัดจีน สิ่งที่พบปะก่อนสิ่งใดๆก็คือกลิ่นควันธูป แต่สำหรับประเทศไทยจะใช้ดอกไม้บูชาพระพุทธเจ้า

在法身寺每一天都可以聽到法師和沙彌們念經的聲音,但是卻沒有伴隨著木魚的敲打聲。另一個很大的不同是著裝的差異。除了袈裟有很大區別外,在泰國文化中重頭輕腳,所以在寺廟裡幾乎進到每個地方都要脫鞋,僧侶也都穿拖鞋;但是中國文化中的腳是一個很神秘的東西,進到寺廟也不用脫鞋,而僧侶有專門配袈裟的鞋子。
ภายในวัดพระธรรมกาย แต่ละวันจะได้ยินเสียงพระภิกษุสงฆ์และสามเณรสวดมนต์ แต่จะไม่มี “ปลาไม้” หรือไม้เคาะจังหวะเวลาหลวงจีนสวดมนต์ การครองผ้าก็แตกต่างกันอย่างมาก นอกเหนือจากผ้าจีวรที่แตกต่างกันแล้ว วัฒนธรรมไทยจะให้ความสำคัญกับการกราบไหว้ และเดินเท้าเบาๆ ดังนั้น จะต้องถอดรองเท้าเวลาจะเข้าไปในพื้นที่อาคารต่างๆในวัด พระสงฆ์ใส่รองเท้าแตะ แต่ในวัฒนธรรมจีน คิดว่า เท้า เป็นส่วนที่ลึกลับ เข้าวัดแล้วก็ไม่ต้องถอดรองเท้า และหลวงจีนจะมีรองเท้าพระภิกษุโดยเฉพาะที่เข้ากันกับสีจีวร

​泰國佛教文化的繁榮昌盛與泰國90%以上的佛教徒是密不可分的,文化的傳承與發展必須要以人為載體。在法身寺實習的第一個週末就參加了一個寺廟為大學生舉辦的 V-Smart Camp 活動,參加活動的都是來自全國各地的大學生,這個活動不僅愉快也獲得了很多知識。在那之前也曾經和清邁大學佛學社的人一起參加過兩次類似的活動,由此可見泰國佛教尤其是法身寺一直在源源不斷的廣泛培育著優秀的文化傳承者,使得信仰的香火永不熄滅,文化的光芒永垂不朽。ความเจริญรุ่งเรื่องของวัฒนธรรมชาวพุทธในประเทศไทยกับชาวพุทธที่มีอยู่ถึง 90 เปอร์เซนต์ มีนัยยะที่ผูกพันอย่างแน่นแฟ้นและไม่แยกออกจากกัน การสืบต่อทางวัฒนธรรมจำเป็นต้องผ่านคนเป็นสะพานเชื่อมต่อ สัปดาห์แรกที่ได้เข้ามาศึกษาที่วัดพระธรรมกาย ได้ร่วม V-Smart Camp ซึ่งเป็นกิจกรรมที่วัดได้จัดสำหรับนิสิต รู้สึกทั้งมีความสุขและได้ความรู้มากมายจากกิจกรรมนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เคยร่วมกิจกรรม ๒ ครั้งกับชมรมพุทธของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะเห็นว่า พุทธศาสนาในประเทศไทย โดยเฉพาะวัดพระธรรมกาย ได้อบรมผู้จะได้สืบทอดวัฒนธรรมอันงดงามนี้อย่างต่อเนื่องเสมอมา ทำให้ธูปเทียนแห่งศรัทธาไม่เคยมอดดับ แสงสว่างแห่งวัฒนธรรมจะมั่นคงอยู่ ไม่เสื่อมหายไป

期間也參加過很多大型的佛教活動,每個活動都有成千上萬名虔誠的佛教徒參與其中,最為震撼的是黑夜籠罩下的佛塔前那千萬朵跳躍的燈花,讓我感覺到信仰的力量、內心的平和可以驅走黑暗,永遠光明。
ระหว่างนั้น ฉันยังได้ร่วมกิจกรรมใหญ่ๆของวัด แต่ละกิจกรรมมีสาธุชนชาวพุทธมาร่วมงานเป็นพันเป็นหมื่นคน ที่ซาบซึ้งใจที่สุด คือ ทะเลประทีปโคมไฟที่ดารดาษละลานตาหน้าเจดีย์ในยามค่ำคืน ทำให้ฉันรู้สึกถึงพลังแห่งศรัทธา สันติภาพภายในใจได้สลายความมืดสลัวให้หมดไป สว่างไสวอนันตกาล

​這是一個特別經歷,讓我近距離的接觸到了部分泰國的佛教文化,感受到中泰文化在差異下彰顯出的魅力。因果輪回,福報是自己修來的。多種善因,多修善果!
นี่เป็นประสบการณ์พิเศษ ที่ทำให้ฉันได้สัมผัสส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมชาวพุทธในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด รู้สึกได้ถึงเสน่ห์ที่สะท้อนผ่านพื้นฐานวัฒนธรรมไทย-จีนที่แตกต่างกัน บุญกุศลเกิดขึ้นเนื่องจากตนได้สั่งสมมาก่อนด้วยกฎแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด ปลูกเหตุแห่งกุศลให้มากๆ สร้างกุศลกรรมให้มากไว้!

ขอบคุณ
พอจ.สุชิน แปลเป็นไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น