วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2559

เที่ยวผู้หญิงขายบริการ ไม่ถือว่าผิดศีลข้อ ๓ ใช่หรือไม่ ?


 
คำถาม : กราบ เรียนถามหลวงพ่อเจ้าค่ะ ปัจจุบันนี้ผู้ชายโสดส่วนมากมีความเข้าใจว่าการเที่ยวผู้หญิงที่ขาย บริการ ไม่ถือว่าผิดศีลข้อ ๓ เพราะพวกเขาไม่ได้นอกใจใคร แล้วหญิงเหล่านั้นก็สมัครใจด้วย ความเชื่อนี้จะถูกหรือผิดอย่างไรบ้างเจ้าคะ

 
คำตอบ : ต้องมองว่ามันมีอยู่ ๒ อย่าง อย่างหนึ่งเป็นเรื่องของการผิดศีล อย่างหนึ่งเป็นเรื่องของเปิดทางนรก หรือเปิดทางพินาศให้กับตัวเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกสิ่งนี้ว่า อบายมุข คือปากทางแห่งความเสื่อม การที่ชายโสดชอบไปเที่ยวกลางคืน เที่ยวกับผู้หญิงขายบริการ มองให้ชัดๆว่าคนที่ไปเที่ยวอย่างนี้เป็นคนเช่นไร ?
            ก็ คือเป็นคนที่หักห้ามใจไม่เป็น สัตว์เดรัจฉานต่างกับคนตรงนี้แหละ อาศัยอยู่ในโลกเดียวกัน มีชีวิตด้วยกัน มีสิ่งบีบคั้นใจเหมือนกันคือ ความรู้สึกหรือความต้องการทาง เพศ มนุษย์ก็มีความต้องการทางเพศ สัตว์เดรัจฉานก็มีความต้องการทางเพศ เมื่อ ความต้องการทางเพศมันเกิดขึ้น สัตว์เดรัจฉานมันไม่คิดมากหรอก มันคิดไม่เป็น มันก็สนองความต้องการของมันกับใครก็ได้ ที่ไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ นั่นคือ สัตว์เดรัจฉาน แต่ ว่ามนุษย์มีสติปัญญามากกว่านั้น รู้จักหักห้ามใจ ใครไม่เหมาะไม่ควรกับเรา เราเป็นคนโสด แล้วเขาก็ยินดีขายบริการ แต่ว่าสิ่งที่ตามมามันยิ่งกว่านั้น
            มันอยู่ที่เราเริ่มเพาะนิสัยเอาแต่ใจตัวเข้าไปแล้ว พอความรู้สึกทางเพศเกิด ขึ้นเมื่อไหร่ ฉันจะใช้บริการเมื่อนั้น ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ นิสัยเอาแต่ใจอย่างนี้ ไม่รู้จักข่มเอาไว้ วันหลังมันกำเริบมากเข้า อะไรจะเกิดขึ้นตามมา ที่เป็นข่าวใน หน้าหนังสือพิมพ์แต่ละวันนั้น ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในวงการ เป็นที่รู้จักมีหน้ามีตากันในสังคมไทย อายุก็ ๖๐ แล้ว ไปเที่ยวโสเภณีเด็ก เด็กเล็กๆ อายุรุ่นลูกรุ่นหลานขายบริการ ก็เลยไปเที่ยว เรื่องแดงขึ้นมา กลายเป็นว่าศาลชั้นต้นตัดสินไปแล้ว ๑๖ ปี จำคุก ศาลอุทธรณ์ตัดสินซ้ำเข้าไปอีก ๓๖ ปี ยังไม่รู้ว่าศาลฎีกาจะว่าอย่างไร นี่เป็นตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆ ในปัจจุบันนี้
            การเอาแต่ใจตัว บอกว่าไม่ผิดศีล แต่ว่ามันไม่ได้แค่ผิดศีลเท่านั้น มันฟ้องถึงไม่มีธรรมะประจำ ใจ คือไม่มีสติสัมปชัญญะที่จะหักห้ามใจว่า ตัวเองก็แก่แล้ว ไปยุ่งอะไรกับเด็กรุ่นหลานรุ่นเหลน อายุมากแล้วควรจะได้เตรียมตัวตายมากกว่า คนเราตายแล้วไม่สูญ ชีวิตหลังความตายยังมี ในชีวิตหลังความตายนั้น ทำมาหากินไม่ได้ แต่อยู่ได้ด้วยบุญที่ เคยทำไว้ขณะมีชีวิต ถ้าขณะมีชีวิตเอาแต่มั่วกามอยู่อย่างนี้ ก็เลยไม่ต้องคิดทำบุญกัน ตายไปแล้วไม่มีบุญสำหรับหล่อเลี้ยงใจ จะเดือดร้อนหลังตาย นั่นก็อย่างหนึ่ง แต่นี่ยังไม่ทันตายเลย มาโดนกฎหมายเล่นงาน หนักเข้าไปอีก เสียหน้า เสียชื่อ เสียทรัพย์สินเงินทอง ลูกหลานตัวเองมองหน้าใครไม่ได้เลย ที่มีพ่อแม่ปู่ย่าตาทวดเป็นอย่างนี้
            เราเคยได้ยินว่า ผู้ใหญ่ไปข่มขืนเด็กเล็กก็มี บางทีก็ไปข่มขืนลูกสาวตัวเองก็มี บางทีตาข่ม ขืนหลาน ครูข่มขืนเด็กนักเรียน สิ่งเหล่านี้มันถูกเพาะมาจากอะไร? มันก็ถูกเพาะมาจากการไม่รู้จักหักห้ามใจอย่างที่ว่า ทีแรกเที่ยวหญิงบริการ หนักเข้า ความรู้สึกประเภทนี้ถ้าปล่อยตามใจแล้วมันก็กำเริบถี่ขึ้น มันจึงได้ก่อ เรื่องอย่างที่ว่ามานี่
            เพราะฉะนั้น อยากจะเตือนเอาไว้ นักเที่ยวหญิงบริการทั้งหลาย โอกาสจะติดโรค โดยเฉพาะโรคเอดส์รักษาไม่หายนะ ยังไม่พอ ถ้าไปมีเรื่องในสถานที่บริการพวกนั้น เสียชื่อเสียงกันไม่รู้เท่าไหร่ ติด คุกติดตารางอย่างที่ว่ามาก็มี แต่ที่ต้องระวังให้หนักก็คือติดนิสัย จะ ติดนิสัยดูถูกคน ดูถูกเพศแม่ แล้วผู้หญิงบริการเหล่านั้น เขาก็เคยชินกับนิสัยหยาบคายเหล่านี้ เราก็จะไปติดนิสัยเขามา ถึงเวลาตัวเองไปมีภรรยา ก็จะเอานิสัยเลวๆ นี้ไปใช้กับภรรยาตัวเอง คุณเอานิสัยเลวๆ ไปเพาะให้กับภรรยาคุณซึ่งเป็นคนดี แสดงว่าคุณนี่เลวมากๆ เลยนะ คุณก็ต้องระวังตัว
            ยัง ไม่พอ การเที่ยวหญิงบริการเหล่านี้ จะเพาะนิสัยไม่จริงใจกับใคร เพราะคนพวกนั้นเขาก็ไม่จริงใจกับคุณ คุณก็ไม่ จริงใจกับเขา นิสัยไม่จริงใจจะถูกนำไปใช้เมื่อถึงคราวคุณมีลูกมีเมีย เลยไปจนกระทั่งถึงคราวที่คุณจะเป็นครูบาอาจารย์คน เป็นพ่อ แม่คน คุณก็จะติดนิสัยไม่จริงใจอย่างนี้ต่อไปอีก แล้วคุณก็จะเสียคน เพราะว่าคุณค่าของคนก็คือความจริงใจต่อกัน ไม่อย่างนั้นสังคมนี้มันอยู่ไม่ ได้ คุณขาดความจริงใจ คุณก็ขาดความรับผิดชอบทั้งต่อตัวเองและสังคมไปโดยปริยาย 
            แต่ร้ายกว่านั้นที่อยากจะเตือนคุณในฐานะที่เป็นพระก็คือ การติดรสในเพศ รสในกามนี้ มันจะติดเป็นสันดานข้ามชาติของคุณไป เมื่อเวลาใกล้ตาย ความดีเคยทำไว้เท่าไหร่ นึกไม่ออก นึกออกแต่ภาพเสพกามเท่านั้น เมื่อละโลกไปด้วยอารมณ์อย่างนั้น ใจจะขุ่น มัว ไม่ได้ไปดีหรอก นอกจากตกนรก เพราะความที่นึกออกแต่เรื่องพวกนี้ แม้ไม่ไปนรกแต่ความที่ใจติดรสนั้น มีแต่ภาพหญิงบริการอยู่ในใจ คุณจะได้ไปเกิดเป็นหญิงบริการในภพหน้า
            หญิง ที่คุณไปใช้บริการเขานั่น แต่เดิมก็เป็นผู้ชายนักเที่ยวเหมือนกับคุณนี่แหละ แล้วเขาก็ติดรสกามเหมือนกับคุณ เขาจึงได้มาเป็นหญิงบริการ เป็นที่รองรับสาธารณะให้กับผู้ชายที่หักห้ามใจไม่เป็น มีแต่โรคเอาแต่ใจตัวในเรื่องเพศเรื่องกาม จึงต้องมาเป็นอย่างนั้น ถ้าคุณอยากจะไปเป็นหญิงบริการเองภพต่อไป หรือว่าอาจจะต้องตกนรกก่อนแล้วค่อยไปเป็นอย่างนั้น ก็ตามใจคุณนะ ไปคิดเอา เอง




โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)

เรียบเรียง จาก รายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC

ดื่มเหล้าเพื่อเข้า สังคมนิดๆ หน่อยๆ หรือการดื่มไวน์เพื่อสุขภาพจะผิดศีลหรือไม่?



คำถาม : กราบ นมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ อยากเรียนถามว่าบางคนคิดว่าการดื่มเหล้าเพื่อเข้า สังคมนิดๆ หน่อยๆ หรือการดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ ไม่ได้ดื่มจนมึนเมา ก็ไม่น่าที่จะผิดศีล ข้อ ๕ ใช่หรือไม่เจ้าคะ
คำตอบ : การ ดื่มเหล้า ดื่มไวน์ จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม บาปทั้งนั้น มันเสียหายกับตัวเองทั้งนั้น โบราณท่านเคยเตือนเอาไว้ ไฟแม้เล็กน้อย แค่ก้นบุหรี่ก้นเดียวก็เผาเมืองได้ ยาพิษแม้เล็กน้อยอาจตายได้ อุจจาระไม่ว่าน้อยใหญ่เหม็นทั้งนั้นเหล้าก็เหมือนกัน ไม่ว่ามากหรือน้อย มันได้เพาะเชื้อวิบัติเข้าไปไว้ในตัว เหมือนอย่างกับเชื้อโรค ไม่ ว่ามาก ไม่ว่าน้อย มันก็พร้อมจะบ่อนทำลายสุขภาพ พร้อมที่จะทำลายชีวิตเรา ถ้ากำลังมันยังหย่อนอยู่ ก็กลายเป็นเพาะเชื้อร้ายเอาไว้ในตัวถ้าเป็นยาพิษ จะมากจะน้อยเพาะเอาไว้ ฝังเอาไว้ในตัวเราเตรียมที่จะขยายพิษกันต่อไปในภายภาคหน้า
            ฉะนั้นอย่าไปดูถูกมัน เหล้าไวน์แม้ดื่มเพียงเล็กน้อย เชื้อวิบัติก็เข้าไปใน ตัวแล้ว มันวิบัติอย่างไร มาดูกันในเรื่องของความสมบูรณ์แห่งความเป็นคนน่ะ มันอยู่ตรงไหน มันอยู่ตรง ๒ เหตุใหญ่ ๆ
            เหตุที่ ๑. คือ ความมีสติ อะไรก็ตาม ตัดรอนสติเราแม้แต่นิดเดียวใช้ไม่ได้ เพราะความสมบูรณ์แห่งความเป็นคน อยู่ที่สติ คือความรู้ตัวของเรา ความระลึกได้ อยู่ตรงนี้ ขนาดไม่ได้กินเหล้าหรือไวน์ โอกาสที่เราจะเผลอตัวยังมี แล้วทำอะไรผิดพลาดก็มี ถ้าไปเติมเหล้า เติมไวน์จะมากหรือน้อย ก็บ่อนทำลายสติลงไป ตามส่วนที่เรากินนั่นแหละ เพราะฉะนั้นกำลังหาวิบัติเข้าตัว นี่เป็นประการที่ ๑.
            ประการที่ ๒. ความสมบูรณ์ ความดีของมนุษย์ อยู่ที่การรู้จักวินิจฉัย หรือว่าเจาะลึกลงไปว่า สิ่งนั้นสิ่งนี้ มันผิดมันถูก ดีชั่วอย่างไรยิ่งถ้าสามารถวินิจฉัยลึกลงไปถึงว่า แม้ในโทษในของที่เล็กน้อย แต่ก็สามารถมองมันไปได้ลึก นี่มันเป็นโทษจริงๆ นะ แล้วก็หยุดมันได้
            อย่างนี้คือคุณค่าของคน นี่คือความสมบูรณ์ของคน อยู่ที่สติในการควบคุม อยู่ที่วินิจฉัยหรือปัญญาใน การเจาะลึก เข้าไปดูในเรื่องต่างๆ ได้ ใครมีสติและมีปัญญาอย่างนี้ ก็คือคนที่สมบูรณ์ แล้วก็พร้อมที่จะเจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายภาคหน้าการ ดื่มเหล้าเพื่อเข้าสังคม คุณต้องรู้ว่ายิ่งเข้าสังคมมาก เท่าไหร่ สิ่งที่ต้องระวังมาก ก็คืออย่าให้ขาดสติ อยู่คนเดียวท่านบอกให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวัง วาจา ก้าวเข้าสู่สังคมยิ่งต้องระวังวาจามากเลย คำพูดที่ผิดพลาดแม้นิด เดียว อาจนำภัยมาให้ไม่เฉพาะตัว อาจนำมาให้กับทั้งครอบครัว บางทีทั้งบริษัท บางทีอาจทั้งประเทศชาติบ้านเมืองก็ได้
            เพราะฉะนั้นการดื่มเหล้าเวลาเข้าสังคมแม้เล็กน้อย ถือว่าประมาทแล้ว เมื่อทำไปจนกระทั่งเคยชิน วันหนึ่งเกิดไปกระทบเรื่องอะไรเข้า สติแตกเลยดื่มหนักกว่าที่เคยดื่ม แล้วก็พลาดพลั้งทำอะไรที่ไม่ดีไม่ควรได้โดยง่ายเพราะ ฉะนั้นเชื้อวิบัติแม้เล็กน้อย อย่าให้เข้ามาในใจหรือกายของเราได้ เหล้าที่คิดว่าจะเป็นตัวเชื่อมสัมพันธไมตรีในสังคม มองให้ดีว่ามันวิบัติอย่างนี้ แล้วก็กำหนดสติให้ดี อย่าใจอ่อนยอมให้ใครเขาชวนให้ดื่มได้ กำหนดสติ แล้วก็วินิจฉัยให้ดีอย่างนี้แล้วจะรอดตัว
            ส่วนในกรณีดื่มไวน์ ได้ ยินมาเยอะแล้ว ดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ มันอาจจะมีส่วนบ้าง หลวงพ่อก็ไม่รู้ หรอก หลวงพ่อไม่ใช่แพทย์ มันอาจจะมีส่วนดีอะไรบ้างในเชิงการแพทย์ แต่ว่าดี ในเชิงการแพทย์ก็ดี แต่ให้มาเทียบกับเสียทางด้านจิตใจ ถ้ามันมีส่วนเสีย ก็ อย่างที่เล่ามา อยู่ในเรื่องเหล้าทำนองเดียวกัน วันนี้จิบไวน์นิด หน่อย เลือดลมมันดีแต่ว่าไม่รู้หรอกว่าเพาะนิสัยแล้ว เพาะนิสัยประมาท ขาดการวินิจฉัย ว่า สิ่งที่เรากำลังทำนี้ มีทั้งได้มีทั้งเสียตีคู่กันเข้ามาแล้ว ที แรกอาจจะเสียแต่คุ้มได้ แต่พอคุ้มไปเรื่อยๆ มันจะได้ไม่คุ้มเสียแล้ว และ อันตรายมันจะมา ถ้ามองกันลึกๆ ทั้งเหล้าทั้งไวน์นั้น มันเป็นของที่โบราณท่านใช้ว่ามันเป็นเหยื่อของพญา มาร ทำให้คนที่เสพเข้าไป ติดรส เมื่อติดรสแล้ว มันติดทีละน้อยในที่สุดก็ติดมาก
            เพราะฉะนั้นหยุดซะ ใครที่ดื่มไวน์คิดว่าเพื่อสุขภาพ ในที่สุดสุขภาพกาย สุขภาพจิตจะวายวอดตามไวน์ที่กิน มีโทษภัยแอบอยู่ข้างหลังมาก บางคนมีไวน์ขวด เป็นหมื่นเป็นแสน อย่างนั้นตัววายวอดเลย จริงอยู่แม้ตัวเองจะมีฐานะดีเป็น มหาเศรษฐีก็ตาม สามารถที่จะกินเจ้าวายวอดนี้ได้ วันละเป็นหมื่นเป็นแสนอย่าง ไรก็ตามแม้เศรษฐกิจก็ไม่ได้กระทบอะไร แต่ว่ามันเพาะความประมาทไว้แล้ว ยังไม่พอยังเป็นตัวอย่างไม่ดีให้เด็กหรือคนรุ่นหลังดู แล้วก็จะมีคนทำ ตาม ถึงตอนนั้นจะแก้ไขอะไรไม่ได้ ความชั่วใดๆ แม้เล็กน้อยอย่าไปทำเลย เพราะมันจะกัดกร่อนความดีของเราไปทีละน้อย เหมือน สนิมที่กัดกินเหล็กทีละน้อย วันหนึ่งสนิมเหล็กนั่นก็กินจนกระทั่งเหล็กขาดได้ เหล็กท่อนโตๆ ถูกสนิมกัด กินจนกระทั่งขาดได้ฉันใด เหล้าไวน์ทีละน้อยนั้น ในที่สุดมันจะกัดกร่อนเอาสติปัญญาของเราไปด้วย แล้วความชั่วอีกหลายอย่างจะ ตามมา
            พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเตือนเอาไว้ เตือนกลาง ๆ กับคนที่จะรวยหรือไม่ หรือจนหรือไม่อย่างไรก็ตาม ว่า โทษของการดื่มสุรา มีอยู่ ๕ ประการด้วยกัน
            ๑. เสียทรัพย์
            ๒.อาจมีผลทำให้ก่อการทะเลาะวิวาทได้ ถ้าวันใดวันหนึ่งอารมณ์ไม่ค่อยจะดี หรือไปกระทบเรื่องอะไรเข้า ก็เลยกลายเป็นเหตุแห่งการทะเลาะวิวาทได้
            ๓. เกิดโรคได้
            ๔. แน่นอน อาจถูกติเตียนได้จากผู้รู้
            ๕. ถ้าประมาทพลาดพลั้งไป มันจะหมดอายเอาง่าย ๆ 
             วินิจฉัยแล้ว ของไม่ดีของมีพิษ กลับมองว่าเป็นยา กลับมองว่าเป็นสิ่งเชื่อมสัมพันธไมตรีในสังคม ถ้าวินิจฉัยตรงนี้พลาดไปแล้ว อย่างอื่นมันจะพลาดตามไปหมด อย่าดื่มกันเลย



โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)
เรียบเรียง จาก รายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC

ดื่มเหล้าขนาดไหนจึงจะถือว่าขาดสติครับ ?

คำถาม: คนดื่มเหล้าขนาดไหนจึงจะถือว่าขาดสติครับ ?
คนส่วนมากเข้าใจว่า คนที่ดื่มเหล้าเมาจนเดินไม่ไหว หรือพูดไม่รู้เรื่องแล้ว คือคนขาดสติ
คำตอบ:  ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจคำว่า “สติ” เสียก่อน สติ แปลว่าความระลึกได้ หมายถึงระลึกได้ก่อนจะทำ จะพูดและสามารถจำสิ่งที่ทำ คำที่พูดแล้วได้อีกด้วย
        เรามักใช้คำนี้คู่กับคำว่า สัมปชัญญะ แปลว่ารู้ตัว หรือระลึกได้ชัดถึงการปฏิบัติและการพูดที่เหมาะสม ทำให้จิตอยู่ในสภาพที่พร้อมจะทำงานได้อย่างดี
        โดยทั่วไปคนเราแม้ยังไม่ได้ดื่มสุรา ก็เมาอยู่แล้ว คือ
        ๑. เมาอยู่ในความเป็นหนุ่มเป็นสาว คือคิดว่ายังมีเวลาสนุกอยู่อีกนาน
        ๒. เมาในความเป็นผู้ไม่มีโรค คือเผลอสติคิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่แข็งแรงต่อไปอีกนาน หารู้ไม่ว่าโรคร้ายจะมาเยือนตัวเมื่อไรก็ได้
        ๓. เมาในชีวิต คือ เผลอสติคิดว่าความตายยังอยู่ห่างไกล อีกนานกว่าความตายจะมาถึงตัว หารู้ไม่ว่าความตายนั้นไม่มีเครื่องหมายอะไรบอกล่วงหน้า
        ในทัศนะของพระอริยเจ้าทั้งหลาย พวกเราชาวโลกคือคนประมาทขาดสติแล้วทั้งสิ้น ดังนั้นคนที่ดื่มเหล้าจึงล้วนแต่เพิ่มความขาดสติให้แก่ตนมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นการดื่มเหล้ายังให้โทษอีกมากมายแก่ตนเองและคนรอบข้างอีกด้วย
คนส่วนมากเข้าใจว่า คนที่ดื่มเหล้าเมาจนเดินไม่ไหว หรือพูดไม่รู้เรื่องแล้ว คือคนขาดสติ
        คนส่วนมากเข้าใจว่า คนที่ดื่มเหล้าเมาจนเดินไม่ไหว หรือพูดไม่รู้เรื่องแล้ว คือคนขาดสติ แต่จริง ๆ แล้วในทางธรรม ถือว่าเขาขาดสติแล้วตั้งแต่คิดจะดื่ม คิดจะซื้อ ยิ่งลงมือเปิดขวดรินเหล้าใส่แก้ว แล้วดื่มล่วงลำคอเข้าไป เขาก็ยิ่งขาดสติมากยิ่งขึ้นตามลำดับ
        ยิ่งดื่มมาเท่าไร ความเป็นคนก็ค่อย ๆ ลดลงไปทุกที ๆ เมื่อความเป็นคนเหลือน้อย ความดีก็ลดลงตามลำดับ
        เพราะฉะนั้นขึ้นชื่อว่าเหล้าแล้ว อย่าว่าแต่จะคิดซื้อมาดื่มเลย แม้แต่เอาขวดเหล้าเข้าบ้าน ก็ยังไม่ควร

โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)

เรียบเรียง จาก รายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC

ดื่มไวน์เพื่อเจริญอาหารถือว่าผิดศีลข้อที่ ๕ หรือไม่?

คำถาม: เครื่อง ดื่มประเภทไวน์ ที่มีเปอร์เซนต์แอลกอฮอล์ต่ำ ที่เขานิยมดื่มกันก่อนอาหาร เพื่อเจริญอาหาร ดื่มแล้วเข้าข่ายผิดศีลข้อ ๕ หรือเป็นอบายมุขหรือเปล่า ครับ ?
           
คำตอบ:  ไวน์ เป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์น้อยก็จริง แต่ก็เป็นของมึนเมาชนิดหนึ่ง ดื่มเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นน้ำย่อยให้เจริญอาหารหรือเพื่ออะไรก็ตาม ดื่มไม่ช้าไม่นานก็ติด ติดไวน์ไม่นานต้องวายวอดแน่ เพราะไวน์ราคาแพงไม่ใช่เล่น ได้ยินว่าไวน์บางขวดราคาเป็นหมื่น
ดื่มไวน์เพื่อเจริญอาหาร
ดื่มไวน์เพื่อเจริญอาหาร
        เพราะฉะนั้นอย่าไปหลงนิยมชมชื่นว่ามันเป็นเครื่องดื่มที่แสดงรสนิยมสูง หรือแสดงฐานะอะไรเลย เพราะมันเป็นทางไปสู่ความวายวอด นำความพินาศฉิบหายมาให้ เป็นอบายมุขที่ใครก็ไม่ควรแตะต้อง และไม่ควรประมาทว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำดื่มแล้วไม่เมา แค่ดื่มแล้วครึ้มใจ พูดไม่ยั้งคิดก็แย่แล้วนะ

โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)
เรียบเรียง จาก รายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC

การทำแท้งด้วยความจำเป็น เช่น ผู้หญิงที่ถูกข่มขืน บาปหรือไม่?


คำถาม: กราบ นมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ลูกอยากกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า การทำแท้งด้วยความจำเป็น เช่น ผู้หญิงที่ถูกข่มขืนหรือตั้งครรภ์แล้วป่วยด้วยหัดเยอรมัน ถ้าเด็กคลอดออกมาก็จะพิการ การทำแท้งด้วยความจำเป็นแบบนี้ บาปหรือไม่เจ้าคะ
 
 
คำตอบ: ในเรื่องของการทำแท้ง ไม่ว่าจะทำแท้งเพราะถูกข่มขืน หรือว่าขณะตั้งครรภ์แล้วป่วยเป็นโรคหัด โรคอะไรก็ตามที อยากจะทำแท้ง  ถามว่าบาปไหม?
 
            แน่นอนเลย ทำแท้งคือการฆ่าคน เมื่อขึ้นชื่อว่าฆ่าเสียแล้ว ก็บาปทั้งนั้น แม้ไม่ได้เต็มใจที่จะท้องครั้งนี้ มาโดนข่มขืน หรือว่าเป็นโรคหัด ลูกของเราถ้าปล่อยให้คลอดมาเสี่ยงเหลือเกิน ที่จะพิการ จะเสี่ยงหรือไม่เสี่ยง จะเต็มใจที่จะมีครรภ์หรือไม่ แต่ฆ่าเมื่อไหร่ บาปเมื่อนั้น ได้เพาะนิสัยโหด สันดานโหดเข้ามาในกมลสันดานมนุษย์เสียแล้ว
 
            มนุษย์มีศักดิ์ศรีเหนือกว่าสัตว์ตรงที่ไม่ฆ่านี่แหละ ถามว่าทุกชีวิตบนโลกใบนี้รักที่สุดในชีวิตของเราคืออะไร? ตอบเหมือนกันทั้งโลก ก็ชีวิตตัวเองนั่นแหละ คนอื่นก็รักชีวิตตัวเอง อย่าว่าแต่คนเลย สัตว์เดรัจฉานทุกตัวก็ตอบแบบเดียวกัน นั่นคือใครๆ ก็รักชีวิตตัวเองทั้งนั้น
 
            เพราะฉะนั้นใครๆ ก็ต้องไม่ฆ่าใคร ทำความเข้าใจตรงนี้ให้ชัด ถ้าไปฆ่าใครมันก็บาป ฉะนั้นแม้โดนข่มขืน จะอยากให้เกิดหรือไม่ แต่เขาเข้ามาเกิดในท้องแล้ว เขาก็มีชีวิตของเขาแล้วคุณฆ่าเขาคุณก็บาป หรือแม้ไม่อยากจะให้เขาเกิดมาเพราะเป็นโรคหัด เมื่อคลอดมาแล้วจะพิการ ถึงพิการ  อย่างไรคุณค่าของคนโดยทั่วไป ก็ยังดีกว่าสัตว์
 
            เคยคิดบ้างไหม? ว่าตัวของเราเองนี่แหละ เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาก็ตาม เช่นแข้งขาหัก ขาขาดไปทั้งสองข้าง ที่วัดนี่มีขาขาดไป ๒ ข้างเลย นี่ถือว่าเป็นพิการอย่างหนักเลยนะ บางคนขาขาดข้างไม่พอ แถมลูกนัยน์ตาไปอีกข้างเสียอีกด้วยแน่ มือแปเข้าไปอีก  ถามว่าเคราะห์หามยามร้าย พิการขนาดนี้แล้วนี่ มันน่าฆ่าตัวตายไหม ไม่หรอก เพราะขนาดพิการอย่างนั้น ถ้าเรารักษาใจเป็น ใจมันไม่พิการนะ สามารถไปสร้างบุญต่อ ได้ เพราะปากยังพูดได้ ยังสวดมนต์ได้ หัวยังไม่ถึงกับพิกลพิการขนาดหนัก ยังศึกษาธรรมะได้ ให้โอกาสมันไปเถอะ เพราะแม้สภาพอย่างนี้ มันก็ยังดีกว่าสภาพของสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งหมดสิทธิ์ในสิ่งเหล่านี้
 
 
            เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ฝากไว้กับคุณแม่ในอนาคตทั้งหลาย ไม่ว่ากรณีไหน ไม่ว่าถูกข่มขืน หรือว่าเจ็บไข้ได้ป่วย กลัวว่าลูกที่คลอดมาแล้วมันจะพิกลพิการ ให้มันเกิดมาเถอะ มันรักชีวิตของมัน สัตว์เดรัจฉานยังรักเลย แล้วลูกของเราที่อยู่ในท้องมันก็กลัวตายเหมือนกัน อันนี้ฝากเป็นข้อคิดประการที่ ๑.
 
            มันจะเป็นปัญหาสังคมต่อไปไหม แล้วจะทำอย่างไร? ปัญหาที่ถูกข่มขืนมันเป็นปัญหาสังคม และเป็นเรื่องของกรรมด้วย การที่ใครคนใดคนหนึ่งจะถูกข่มขืน สิ่งแรกที่ตัวเองจะต้องมองก่อน ตั้งแต่การวางตัวของเรา มันเหมาะสมไหม? เช่นเราแต่งตัวล่อแหลมรึเปล่า? ท่าทางของเราบาดหูบาดตาชาวบ้านเขาไหม คนที่คิดไม่ดีมันก็มีอยู่ในโลกนี้ เราไปห้ามความคิดเขาไม่ได้ ที่เราจะห้ามได้คือห้ามตัวเอง ที่จะไม่ทำอะไรล่อแหลม เพราะฉะนั้นถ้าใครถูกข่มขืน ก็ต้องคิดว่า เราวางตัวไม่เหมาะสมหรือเปล่า เราระวังตัวที่จะไม่ไปในที่ที่ไม่ควรไปหรือเปล่า ถ้าเราระวังหมดทุกอย่างแล้ว แต่ถ้าเราไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะหรือเปล่า ทุกอย่างเหมาะหมด ถ้าอย่างนั้นคงเป็นกรรมเก่าของเราแล้ว เมื่อมันเป็นกรรมเก่ายอมรับมันไป แต่อย่าได้ไปฆ่าใครเลย เดี๋ยวบาปมันซ้อนบาป กรรมเก่าเวรกาเมฯทำให้มาถูกข่มขืน ชาตินี้มาฆ่าลูกในท้องต่อ เวรปาณาติบาตเพิ่มเข้ามาอีก แล้วเมื่อไหร่มันจะหมดเวรหมดกรรมกัน
 
            ประการที่ ๒. ในกรณีอย่างนี้ ลูกอาจจะแก้ด้วย คนใดคนหนึ่งแก้ไม่ได้ มันก็คงจะต้องมากันมองถึงระดับครอบครัวกัน ถึงระดับสังคมกันว่า สิ่งอะไรที่ทำให้เกิดความยั่วยุทางเพศ ทางกามมันกำเริบได้ง่ายในสังคมนี้ มันคงต้องช่วยกันกำจัดด้วย เช่น การแต่งเนื้อแต่งตัวของคนทั้งประเทศขณะนี้  ซึ่งขาดความระมัดระวังเหลือเกิน ถึงตัวเองไม่โดนข่มขืน แต่ว่ามีโอกาสที่จะทำให้กามราคะของเขากำเริบ แล้วก็ไปทำร้ายผู้หญิงอื่น ทำให้ผู้หญิงอื่นถูกข่มขืน สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้ หรือการโชว์ แหล่งอบายมุขต่าง ๆ ที่กำลังระบาดอยู่ เป็นสิ่งยั่วยุให้กามราคะของมนุษย์บนท้องถนนนี้กำเริบได้ง่าย แล้วก็เลยทำให้คนดี ๆ ถูกข่มขืน สิ่งเหล่านี้มันเป็นปัญหาระดับสังคมประเทศชาติเสียแล้ว  ซึ่งรัฐบาลและทุกคนในประเทศต้องหันหน้ามาดู
 
             ส่วนกรณีที่ ๒. คุณผู้หญิงที่ตั้งครรภ์มาแล้ว เกิดมาป่วยกะทันหัน แม้ขณะนั้นก็ตาม ก็อยากจะฝากไว้ กู้สุขภาพกันสุดๆ หาทางที่จะแก้ไขเจ้าลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์กันสุดๆ ก็แล้วกัน  แล้วส่วนมันได้เท่าไหร่ ก็เอามันเท่านั้น เพราะถึง  อย่างไรชีวิตของลูกที่อยู่ในท้องอาจจะพิกลพิการไปบ้าง แต่ถ้าเทียบกับชีวิตสัตว์อื่น ลูกเราก็ยังมีค่ากว่ามาก เปิดโอกาสให้เขาได้เกิดมา มาเก็บบุญเก็บกุศลติดตัวไปอีกสักหน่อย แล้วเขาอาจจะต้องลาโลกไปเร็วกว่าคนอื่นเขาบ้าง ก็ช่างเถอะ นึกว่าสงสารสัตว์โลกที่เขายังจะต้องมาหมดโอกาสสร้างบุญสร้างความดี เพราะน้ำมือเราซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแม่เลย ไปพิจารณากันให้ดี อย่าเป็นฆาตกรมือน้อยๆ เลย 
 
โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)
เรียบเรียง จาก รายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC